“จุรินทร์” เผย ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ของพรรค สู้ “บิ๊กแป๊ะ-ชัชชาติ” ได้

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 7 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงความพร้อมในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 3 ประเภท ได้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) และเมืองพัทยา ว่า ยังไม่ทราบว่ารายละเอียดจะเสนอให้จะมีการเลือกตั้งระดับใดบ้าง ขึ้นอยู่กับ ครม. และที่สำคัญที่สุดคือ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าจะมีความเห็นอย่างไร สำหรับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์จะส่งผู้สมัครลงชิงผู้ว่าฯ กทม.แน่นอน ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่เป็นนักบริหาร ส่วนสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) มีความพร้อมเช่นกัน เพราะมีการเตรียมตัวบุคคลแล้วใน 50 เขต โดยจะส่งลงทั้ง 50 เขต ขณะนี้มีการเคาะตัวผู้สมัครเป็นที่ยุติแล้ว 40 กว่าเขต ส่วนที่เหลือยังไม่ได้ตัดสินใจ เพราะมีตัวเลือกที่ต้องพิจารณาในขั้นสุดท้ายต่อไป โดยประกอบด้วยคนรุ่นใหม่ นักกฎหมาย นักธุรกิจ และอดีต ส.ก. ที่ยังคงยืนหยัดอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์อยู่ไม่น้อย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ที่ระบุว่าเป็นคนรุ่นใหม่นั้น เป็นคนเด่น คนดัง นักวิชาการ หรือนักธุรกิจ นายจุรินทร์ กล่าวว่า เป็นนักบริหาร เป็นคนรุ่นใหม่ เป็นที่รู้จักของพี่น้องชาว กทม.อยู่แล้ว เมื่อถามย้ำว่า เมื่อเปิดชื่อออกมาจะทำให้รู้สึกว้าว เหมือนกับชื่อของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา หรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า “เอาเป็นว่าสู้ได้ครับ” สล็อตเว็บตรง

ขณะเดียวกัน ยอมรับว่า มี ส.ส.กทม. จากพรรคอื่นจะย้ายมาพรรคประชาธิปัตย์ พอสมควร แต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะแจ้งให้ทราบ อย่างไรก็ตาม สำหรับสนามเลือกตั้ง ส.ส.กทม. ถ้ายังเป็นรัฐธรรมนูญปัจจุบันที่ยังไม่ได้แก้ไขในพื้นที่ กทม.ก็จะมีทั้งหมด 30 เขตเลือกตั้ง ขณะนี้มีผู้สมัครที่ตัดสินใจแล้ว 27 คน ขาดอีก 3 เขต จึงคิดว่ายังมีเวลาในการที่จะพิจารณาเลือกตัวบุคคล

เมื่อถามว่า ในการเลือกตั้ง ส.ส.กทม.ที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ได้คะแนนน้อยมาก จะทำให้การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ยากขึ้นหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า “นั่นเป็นการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาก่อนที่ตนจะมาเป็นหัวหน้าพรรค แต่ว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไป จากผลงานที่เราได้ทำและได้ให้ความสำคัญในพื้นที่ กทม. ตนคิดว่าน่าจะได้การยอมรับจากประชาชนมากขึ้น เพราะครั้งที่แล้วเป็นศูนย์เลย ครั้งนี้จึงไม่น่าจะเป็นศูนย์อีก”