
ประกาศใช้ พระราชบัญญัติ ประชามติ พุทธศักราช 2564 ให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอได้ แต่ต้องผ่าน คณะรัฐมนตรีก่อน พร้อมทั้งห้ามภิกษุ สามเณร ผู้ถูกเพิกถอนสิทธิเลงคะแนนใช้สิทธิออกเสียง
เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระราชบัญญัติ ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 ซึ่งมีทั้งหมด 85 มาตรา โดยในมาตรา 2 บัญญัติว่า พระราชบัญญัติ นี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป จึงเท่ากับว่าวันนี้ 15 กันยายน 2564 พระราชบัญญัติ ดังกล่าวมีผลบังคับใช้แล้ว XOSLOT
ทั้งนี้ พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 26 ประกอบกับมาตรา 34 และมาตรา 40 ของรัฐธรรมนูญที่ราชอาณาจักรไทย
ข้อกำหนดให้ทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติที่ข้อบังคับ เหตุผลรวมทั้งความจำเป็นสำหรับเพื่อการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลตามพระราชบัญญัตินี้ เพื่อการออกเสียงประชามติเป็นไปโดยความซื่อสัตย์ ยุติธรรม รวมทั้งชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งการตราพระราชบัญญัตินี้สอดคล้องกับเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในมาตรา 26 ของรัฐธรรมนูญที่ราชอาณาจักรไทยแล้ว
โดยมีสาระสำคัญ อาทิ มาตรา 9 กำหนดให้มีการออกเสียงตามประชามติ ใน 5 กรณี มีดังต่อไปนี้
1) การออกเสียงเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญตามที่มีบทบัญญัติกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ
2) การออกเสียงกรณีเมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นว่ามีเหตุอันสมควร
3) การออกเสียงตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องมีการออกเสียง
4) การออกเสียงในกรณีที่รัฐสภาได้พิจารณาและมีมติเห็นว่าเป็นเรื่องที่มีเหตุสมควรที่จะให้มี
5) การออกเสียงกรณีประชาชนเข้าชื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อให้ความเห็นชอบในการออกเสียง ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนด
ทั้งนี้ การออกเสียงในเรื่องที่ส่งผลเสียต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนดังที่รัฐธรรมนูญได้รับรองไว้ จะกระทำมิได้
ส่วนหมวดว่าด้วยความผิดและบทกำหนดโทษ
- มาตรา 71 ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีหน้าที่หรือได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติภารกิจ ตามพระราชบัญญัตินี้ ใช้ตำแหน่งงาน หรือปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือทำการใดๆก็ตามอันเป็นเหตุให้การออกเสียงไม่เป็นไปโดยความซื่อสัตย์หรือยุติธรรม ผู้ใดกันละเมิดวรรคหนึ่งจำต้องระวางโทษติดคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี แล้วก็ปรับตั้งแต่ 2 หมื่นบาท ถึง 2 แสนบาท รวมทั้งให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิลงคะแนนเสียงมีกำหนด 10 ปี สล็อตออนไลน์
- มาตรา 72 ผู้ใดขัดขวางการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ กรรมการ เลขาธิการ ผู้ตรวจการเลือกตั้ง ผู้อำนวยการการออกเสียงประจำเขตออกเสียง คณะกรรมการประจำเขต กรรมการประจำเขต คณะกรรมการประจำหน่วย กรรมการประจำ หน่วย คณะอนุกรรมการ อนุกรรมการ คณะบุคคล หรือบุคคลซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้งในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ
- ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการขัดขวางการปฏิบัติงาน ได้กระทำโดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่า จะใช้กำลังประทุษร้าย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
- มาตรา 73 ผู้บังคับบัญชาหรือนายจ้างผู้ใดขัดขวางหรือหน่วงเหนี่ยวผู้ใต้บังคับบัญชาหรือ ลูกจ้างในการไปใช้สิทธิออกเสียง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- มาตรา 74 ผู้ใดทำลายบัตรออกเสียงโดยหรือจงใจกระทำด้วยประการใดๆ ให้บัตรออกเสียงชำรุด หรือเสียหาย หรือให้เป็นบัตรเสีย หรือกระทำด้วยประการใดแก่บัตรเสียให้เป็นบัตรที่ใช้ได้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- มาตรา 75 ผู้ใดทำลายเครื่องลงคะแนนออกเสียงอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ออกเสียง อิเล็กทรอนิกส์ หรือข้อมูลการลงคะแนนออกเสียงอิเล็กทรอนิกส์ หรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลการลงคะแนนออกเสียงอิเล็กทรอนิกส์ ให้ผิดไปจากความเป็นจริง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
Be the first to comment