
‘พิธา’ ชี้คำวินิจฉัยศาลรธน. ขีดเส้นทางเดินที่สุ่มเสี่ยง
ตอนวันที่ 10 พฤศจิกายน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เขียนเนื้อความเผยความรู้สึก ข้างหลังศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำพิพากษา ชี้ว่า 3 แกนนำม็อบพลเมือง ทำลายการปกครอง และสั่งห้ามเครือข่ายให้เลิกกระทำอีก นายพิธาระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ จะขีดเส้นทางที่สุ่มเสี่ยงและคับแคบให้แก่สังคมไทย ในขณะที่การประชุม Universal Periodic Review หรือ UPR ของสหประชาชาติเพื่อทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของประเทศต่างๆ หลายประเทศตั้งคำถามอย่างหนักหน่วงถึงท่าทีของประเทศไทยต่อเสรีภาพในการแสดงออก รวมถึงการแก้ไขหรือยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสากล โดยตัวแทนของประเทศไทยพยายามแก้ต่างกับนานาชาติว่าเรื่องกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นประเด็นที่คนไทยสามารถถกเถียงและแก้ไขกฎหมายได้ผ่านกลไกรัฐสภา ตัดภาพกลับมาที่ศาลรัฐธรรมนูญในเวลาไล่เลี่ยกัน ศาลได้วินิจฉัยให้การกระทำรวมถึงข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมเพื่อขอให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ รวมถึงให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เข้าข่ายเป็นการกระทำเพื่อล้มล้างการปกครอง ซึ่งคำวินิจฉัยที่น่ากังขานี้ขัดแย้งโดยสิ้นเชิงกับสิ่งที่ตัวแทนประเทศไทยได้ชี้แจงกับนานาประเทศ แต่ที่น่ากังวลไปกว่านั้น คือ ผลของคำวินิจฉัยในวันนี้อาจจะนำพาสังคมไทยมุ่งหน้าไปบนเส้นทางที่น่าเป็นห่วง สิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญทำในวันนี้เป็นมากกว่าคำวินิจฉัย แต่เป็นการขีดอนาคตประเทศไทยให้เดินไปตามเส้นทางที่สุ่มเสี่ยงและคับแคบ พรรคก้าวไกลเชื่อเสมอว่า การปกป้องสิ่งหนึ่งไม่จำเป็นต้องทำลายอีกสิ่งหนึ่ง เราสามารถปกป้องสิ่งที่เรารักด้วยการพยายามปรับเข้าหากันบนฐานของเหตุและผล ประเทศไทยไม่ได้อับจนหนทางขนาดที่ผู้มีอำนาจต้องกอดแน่นอยู่กับอดีต แล้วกระทำต่อผู้คนที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงในฐานะภัยต่อความมั่นคงของชาติ […]